เหล่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวยังได้เปิดเผยถึงเบื้องหลังการทำสถิติอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้ว่า พวกเขาใช้อุปกรณ์แค่เพียงชิ้นเดียวที่เรียกว่า Micro-Comb เข้ามาแทนที่อุปกรณ์เลเซอร์ 80 ชิ้นที่พบได้ในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สื่อสารบางรุ่น โดยได้มีการติดตั้งและทดสอบภายนอกห้องแล็บ มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่คล้ายกับเครือข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติของออสเตรเลีย (NBN) และใช้ชิปออฟติคัลเช่นเดียวกับระบบบรอดแบนด์ใยแก้วนำแสงที่ทันสมัยแบบที่ทั่วโลกใช้กัน แต่พวกเขาได้เอาชิปมาใช้ทดลองแค่เพียงชิ้นเดียวจนสามารถส่งผ่านข้อมูลปริมาณสูงสุดได้
ศาสตราจารย์ David Moss แห่งมหาวิทยาลัย Swinburne ได้ออกมาอธิบายว่า นี่เป็นค้นพบความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่ง Micro-Comb จะช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการแบนด์วิทท์ของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื้องได้นั่นเอง อีกทั้ง Bill Corcoran อาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Monash ได้กล้าวว่า ในที่สุดงานวิจัยชิ้นนี้ก็จะช่วยเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากในโลกสมัยใหม่ เรายังคงต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มีแบนด์วิทท์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การสตรีมหนัง แต่ยังสามารถใช้กับรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตัวเอง การขนส่งในอนาคต อุตสาหกรรมการผลิตยา การศึกษา การเงิน อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงการติดต่อสื่อสารกันในระยะทางไกล
อ่านเพิ่มเติม : ข่าวไอที ข่าวมือถือ
0 ความคิดเห็น