หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวออกมาว่า ASUS กำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ในตระกูล Zenfone ล่าสุด ก็ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วถึง 2 รุ่น สำหรับ ASUS Zenfone 7 และ ASUS Zenfone 7 Pro มาพร้อมกับกล้องแบบ Flip Camera ที่เพิ่มจากรุ่นก่อนมาเป็น 3 ตัว โดยในรุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 865+ เหมือนกับที่อยู่ใน ROG Phone 3 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จุดแตกต่างอยู่ตรงที่รุ่นนี้ไม่ได้เป็น Gaming Smart Phone แต่อย่างใด
หน้าจอของรุ่นนี้ใช้ของ Samsung AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080+ อัตราส่วน 20:9 ให้ความสว่างอยู่ที่ 1,000 DC รองรับแสงที่ DCI-P3 และรองรับ Refresh Rate 90Hz และการสัมผัสไวในระดับ 200Hz หน้าจอครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
กล้องแบบหมุนที่มีมาให้ถึง 3 ตัว ใช้เป็นกล้องหน้าได้ด้วยเพียงแค่ Flip มีเลนส์ที่เพิ่มเข้ามาเป็นแบบ Telephone ขนาด 80 มิลลิเมตร รองรับการซูมได้แบบ Optical 3 เท่า ส่วนกล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับ 2x1 OCL Auto Fcous รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ที่ 30 FPS รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slowmotion ความละเอียด 4K ที่ 120 FPS , กล้องมุมกว้างมี Dual Pixel AF ที่สามารถโฟกัสได้อย่างละเอียด ความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่มี HyperSteady ป้องกันภาพสั่นไหว อีกทั้งยังสามารถถ่ายแบบ Macro เข้าใกล้ได้มากสุด 4 เซนติเมตร ซึ่งกล้องในรุ่นนี้มีความทนทานในการเปิดปิดได้มากกว่า 100 ครั้ง ใช้งานได้นาน 5 ปี รองรับน้ำหนักได้มากถึง 35 กิโลกรัม
นอกจากชิปประมวลผลสุดแรงแล้ว ยังได้ RAM แบบ LPDDR5 ที่มีให้เลือก 6 – 8GB พร้อมกับ ROM แบบ UFS 3.1 ที่มีให้เลือกขนาด 128 – 256GB โดยสามารถเพิ่ม SD Card ได้ ส่วนซิมการ์ดก็ใส่ได้พร้อมกันถึง 2 ใบแบบ Nano SIM แต่ยังไม่ยืนยันว่ารองรับการเชื่อมต่อแบบ 5G หรือไม่ แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จ 30W ชาร์จได้ 60% ในเวลา 35 นาที และเต็มภายในเวลา 57 นาที พร้อมด้วยฟีเจอร์หยุดการชาร์จไฟในเวลากลางคืน ซึ่งเครื่องจะล็อกแบตเตอรี่ไว้ที่ 80% และเต็ม 100% เมื่อถึงเวลาเช้า
ASUS Zenfone 7 และ Zenfone 7 Pro ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียมเกรด 6000 เหมือนรุ่นก่อน เพียงแต่ที่สแกนลายนิ้วมือจะเปลี่ยนไปอยู่ด้านข้างและยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รองรับ aptX Adaptive ทั้งยังมีแถมเคส ASUS Active Case มาให้ในกล่องอีกด้วย โดยรุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กันยายน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 21,990 ดอลล่าร์ไต้หวัน หรือ 21,990 บาท สำหรับรุ่นปกติ (RAM 8GB / ROM 256GB) และราคา 27,990 ดอลล่าร์ไต้หวัน หรือ 27,990 บาท สำหรับรุ่น Pro สุดท้ายก็มาลุ้นกันว่าทั้งสองรุ่นนี้จะได้เข้ามาขายที่ไทยหรือไม่ เนื่องจากรุ่นก่อนหน้าก็ไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย
0 ความคิดเห็น