เผยเทคนิคการถ่ายภาพอาหารยังไงให้ได้ยอดไลก์ถล่มถลาย

เทคนิคการถ่ายภาพ

การถ่ายภาพอาหารเพื่อแชร์ลงโซเชียลมีเดียก่อนเริ่มกิน นั้นเป็นไลฟ์สไตล์ที่คนไทย หรือคนชาติอื่น ๆ ทั่วโลกทำกันจนเป็นปกติอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นการบอกให้เพื่อน ๆ รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน กำลังมากินอะไร หรืออาจจะเป็นถ่ายแล้วแชร์ไว้เพื่อเป็นบันทึกเป็นความทรงจำหากวันไหนเราอยากจะกลับมาสัมผัสรสชาติที่คุ้นเคยอีก แต่หากจะถ่ายเฉย ๆ ก็จะดูไม่มีลูกเล่นสักเท่าไหร่ เลยอยากจะมาแชร์เทคนิคการถ่ายภาพอาหารให้สามารถกระตุ้นต่อมหิวของคนที่ผ่านมาเห็นได้ยังไงล่ะ มาดูพร้อมกันว่า ภาพอาหารที่ดึงดูดผู้คนได้ ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

มุม

อย่างแรก ต้องเลือกมุมเพื่อให้อาหารที่เรากำลังจะถ่ายมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะวัตถุดิบสำคัญที่เป็นตัวดึงดูดของเมนูนั้น ๆ ที่สำคัญต้องอย่าเลือกฉากหลังของภาพขัดให้กับตัวแบบที่เราจะถ่ายมากจนเกินไป

แสง

แนะนำว่าให้เลือกแสงในช่วงเช้าและบ่ายจะดีที่สุด เพราะจะทำให้ภาพของอาหารมีความสมจริง สวยงาม อีกทั้งแสงในช่วงเวลาดังกล่าวจะทำมุมกับตัววัตถุที่ 45 องศา จะช่วยเสริมให้ตัวอาหารและวัตถุดิบที่มองเห็นมีมิติมากยิ่งขึ้น

พร็อพ หรืออุปกรณ์ประกอบฉาก

ที่ต้องเพิ่มอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าไปกับอาหารก็เพื่อเพิ่มความสวยงาม โดยต้องทำให้ภาพไม่ดูโล่ง หรือเยอะจนแย่งซีนตัวแบบที่เราจะถ่ายมากจนเกินไป แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว หรือสิ่งที่มีอยู่บนโต๊ะอาหาร เช่น ช้อมส้อม ผ้ารอง หรือเครื่องเคียงต่าง ๆ มาประกอบ ก็จะทำให้ภาพของเรามีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การเคลื่อนไหว

ถ้าถามว่ามีความจำเป็นมากแค่ไหน ก็ต้องตอบว่าจะมี หรือไม่มีก็ได้ แต่หากมีก็จะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับภาพถ่ายอาหาร ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารต่าง ๆ ก็ได้เพิ่มลูกเล่นมาบนจานก่อนการกินเพื่อให้การลิ้มรสชาติอาหารแต่ละจานดูแตกต่างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การโรยผงน้ำตาล การราดซอส หรือการวางท็อปปิงลงบนจาน เทคนิคการถ่ายภาพลักษณะนี้อาจต้องใช้เทคนิคที่เรียกว่า Stop Action หรือการทำให้ภาพเคลื่อนไหวนั้นหยุดนิ่ง

การถ่ายระยะใกล้

นี่เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ต่อให้ไม่ใช่ภาพก็ถูกนำมาใช้กับภาพถ่ายของตัวเองอยู่บ่อย ๆ เหมาะแก่การทำให้วัตถุดิบที่อยู่ในจานนั้นเห็นได้ชัดขึ้น เพิ่มความพรีเมียมได้มากขึ้น ยิ่งถ้าได้ใช้เลนส์กล้องถ่ายรูปสำหรับการถ่ายภาพในระยะใกล้ก็จะยิ่งที่ทำให้เห็นความสดใหม่ของอาหาร ดูน่ากินมากยิ่งขึ้น

เทคนิคการถ่ายภาพ

อ่านเพิ่มเติม : ข่าวไอที

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น