'Huawei' ยังวูบหนัก ! เพราะสงครามการค้า ทำให้ Huawei P30 Pro ราคามือสองเหลือ 4 พันบาท

Huawei P30 Pro
ถึงแม้ว่าหนทางที่ 'Huawei' กำลังเดินอยู่จะเป็นไปได้สวย แต่หากไม่มีอุปสรรคเข้ามาบ้าง การพัฒนาก็คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ หลังจากที่เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่พี่ทรัมป์นั้นพุ่งเป้าไปที่หัวเว่ยเป็นหลัก โดยให้เหตุผลว่าเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นจะเข้าไปล้วงข้อมูลสำคัญๆ ที่อาจทำให้เกิดภัยต่อความมั่นคง ตอนนี้ปัญหานั้นได้ส่งผลมายังผลิตภัณฑ์ตัวท้อปของยักษ์ใหญ่จากจีน อย่าง โทรศัพท์มือถือ 'Huawei P30 Pro' แล้ว จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ดีที่สุดในปี 2019 ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ข้อมูลนี้ถูกรายงานโดยสื่อสำนักหนึ่งในประเทศอังกฤษ อย่าง 'musicMagpie' ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าราคาประเมินโทรศัพท์มือถือ Huawei P30 Pro รุ่นความจุ 128GB รุ่นมือสองสภาพดีเยี่ยมนั้นตกฮวบลงมาเหลือแค่ 100 ปอนด์ (130 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4 พันกว่าบาท) จากราคาขาย 900 ปอนด์ (1,150 ดอลลาร์ หรือประมาณ 37,000 บาท) มูลค่าตกลงมาเกือบ 90% หลังออกวางจำหน่ายเพียงสองเดือนเศษ ในขณะที่ราคาขายต่อของ Samsung S10+ รุ่นความจุ 128GB ที่มีสภาพดีเยี่ยมเช่นกันจะอยู่ที่ 510 ปอนด์ (ุ650 ดอลลาร์ หรือประมาณ 20,000 บาท) ลดลงมาประมาณ 45% เท่านั้น
นอกจากนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ซื้อขายมือถือมือสองของอังกฤษอีกเจ้า อย่าง 'GiffGaff' ได้ออกมาตีราคาตัว P30 นี้เหลือ 100 ปอนด์เช่นกัน ส่วน 'FoneWizrd' นั้นให้ราคาที่มากขึ้นหน่อยที่ 150 ปอนด์ ในขณะที่ 'Mazuma' นั้นไม่รับซื้อรุ่นนี้แล้ว
Huawei P30 Pro
นอกเหนือจากราคาของ P30 Pro มือสองที่ปรับตัวลดลงอย่างน่าตกใจแล้ว 'P20 Pro' เองก็มีราคารับซื้อเหลือแค่ 50 ปอนด์ หรือ 2 พันบาทเท่านั้น ในขณะที่โทรศัพท์มือถือเรือธงจาก Samsung รุ่นปี 2018 ยังมีราคารับซื้ออยู่ที่ประมาณ 235 ปอนด์ หรือประมาณ 9,500 บาท แต่ถึงจะลดลงก็ยังมีราคาที่สูงกว่า P30 Pro จาก Huawei อยู่ดี ซึ่งนี้เป็นเพียงข้อมูลของประเทศอังกฤษเท่านั้น
ข้ามกลับมาที่ฝั่งเอเชียบ้านเรากันบ้าง มีรายงานจาก 'Straits Times' ของสิงคโปร์ได้ออกสรุปสถานการณ์ของ Huawei ที่ตอนนี้กำลังได้รับผลกระทบจากร้านค้าปลีกในเอเชียว่า ถึงร้านค้าตัวแทนส่วนใหญ่จะยังสั่งโทรศัพท์มือถือจากหัวเว่ยมาจำหน่าย แต่ก็วางขายกันในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมหลายเท่าตัว ในขณะที่บางร้านก็เริ่มหยุดรับจำหน่ายสินค้าทั้งหมดของหัวเว่ยแล้ว ผู้บริโภคเองก็กำลังเริ่มมองหาตัวเลือกอื่นๆ มาใช้งานทนแทนหลังจากที่เกิดสถานการณ์แบบนี้
ขอบคุณข้อมูล Sanook! Hitech

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น